ในปี 2020 ชีวิตของพวกเราได้พบกับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ จากการระบาดของไวรัส COVID-19 ทำให้วิถีชีวิตของเราเปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิง ไม่ว่าจะเป็นการ Work From Home หรือ Social Distancing และการสวมใส่หน้ากากอนามัยตลอดเวลาที่ออกจากบ้าน ซึ่งในตอนนี้ สถานการณ์ก็ยังคงเป็นปัญหาอยู่ในปัจจุบัน แต่ทุกปัญหาย่อมมีทางแก้เสมอครับ ทุกวันนี้มนุษย์ได้มีการสร้างเทคโนโลยีใหม่ๆขึ้นมาตลอดเวลา ด้วยจุดประสงค์เพื่อการแก้ไขปัญหาหรือการพัฒนาด้านการใช้ชีวิต ที่จะมาช่วยให้ทุกอย่างเป็นเรื่องที่ง่ายขึ้น ในบทความนี้ SKY จะพาคุณมารู้จัก 5 เทรนด์เทคโนโลยี ที่จะเป็นพลังในการขับเคลื่อนชีวิตของพวกเราในปี 2021 ต่อไปกันครับ
1.Artificial Intelligence (AI)
หนึ่งในเทคโนโลยีที่มาแรงที่สุดในปี 2021 คงหนีไม่พ้น AI หลายคนอาจจะยังไม่รู้ว่าเทคโนโลยี AI นี้ใกล้ตัวเรามากจริงๆ ยกตัวอย่าง เช่น Face ID ของ Apple คือ การนำระบบ Machine Learning มาช่วยในการจดจำลักษณะบนใบหน้าเวลาต้องการปลดล็อคอุปกรณ์ รวมถึงทำธุรกรรมการเงินต่างๆ ซึ่งแม้ว่าเจ้าของจะมีหน้าตาที่เปลี่ยนไปเล็กน้อย ทำผมใหม่หรือใส่แว่น ระบบก็ยังสามารถตรวจสอบได้อย่างถูกต้อง เพราะ Machine Learning ของ Apple นั้น ถูกพัฒนาให้เรียนรู้ลักษณะที่ต่างกันหลายครั้งมาก ๆนั่นเอง และทุกคนเคยสงสัยกันไหมครับ ว่าทำไมเวลาเรากำลังอยากได้ของอะไรสักอย่าง สินค้าพวกนั้นจะโผล่ขึ้นมาทุกแอปพลิเคชันในโทรศัพท์ เหมือนว่ากำลังแอบฟังเราอยู่ ไม่ต้องแปลกใจเลย เพราะสิ่งนี้ก็คือ AI เช่นกัน โดยที่มันจะเรียนรู้ว่าเรากำลังสนใจอะไร แล้วทำการคัดเลือกและเชื่อมโยงสิ่งที่เกี่ยวข้อง มาจากประวัติการแชท การค้นหา โลเคชั่น รวมถึงอาจจะสามารถวิเคราะห์ได้จากพฤติกรรมการเล่นโซเชียลของเราได้เองอีกด้วย
2.การใช้หุ่นยนต์, โดรน, และยานยนต์ไร้คนขับ
ในช่วงปี 2020 ที่ผ่านมา การพัฒนาหุ่นยนต์ได้เข้ามาเติมเต็มความต้องการในอุตสาหกรรมการแพทย์เป็นอย่างมาก เพราะในช่วงการระบาดของไวรัส COVID-19 หุ่นยนต์ ของบริษัท Keenon Robotics Co ได้ถูกใช้งานในโรงพยาบาลหลายแห่งในจีน เพื่อใช้ทำหน้าที่จัดส่งอาหาร ยา และสิ่งของไปยังแผนกที่ถูกแยกออกไป ซึ่งได้รับคำสั่งจากผู้ควบคุมเครื่องที่อยู่ห่างไกล เพื่อป้องกันการแพร่ระบาด ลดโอกาสการติดเชื้อจากการสัมผัส และลดความจำเป็นในการใช้บุคลากร รวมถึงการ ใช้โดรนบินลาดตระเวนประชาชน และมีการเผยแพร่คลิปขณะลาดตระเวน โดยเตือนให้ประชาชนที่ไม่สวมหน้ากาก ให้กลับเข้าบ้าน และล้างมือ พร้อมเตือนว่า การออกมานอกบ้านต้องสวมหน้ากากอนามัยทุกครั้ง พร้อมกันนั้นยังได้ใช้โดรนติดเครื่องกระจายเสียงเพื่อประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนดูแลรักษาตนเองเพื่อไม่ให้ป่วยอีกด้วย
3. การทดแทนสินค้าด้วยบริการ (As-A-Service)
บริษัทมากมายที่ได้เปลี่ยนการให้บริการของพวกเขา จากเดิมที่อาจจะเคยเป็นผลิตภัณฑ์ สู่การให้บริการผ่านระบบคลาวด์ (Cloud Services) โดยเฉพาะในช่วงการระบาดของโรค COVID-19 ซึ่งทำให้ต้องมีการปรับตัว การทำงานต้องเปลี่ยนรูปแบบเป็นการทำงานจากที่บ้าน (Work From Home) ซอฟต์แวร์สื่อสารออนไลน์ได้รับความนิยมมากขึ้น โดยเฉพาะกับ Zoom ซึ่งเป็นที่นิยมอย่างมากทั้งด้านการเรียน หรือการประชุม เพื่อตอบรับความต้องการที่เพิ่มขึ้นอย่างมหาศาลนี้ ทางบริษัทได้เพิ่มเซิฟเวอร์ให้บริการ เพื่อให้ผู้คนสามารถทำงานได้ทุกที่ทุกเวลาผ่านอินเทอร์เน็ตแล้ว ยังช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายด้วย
4. 5G และระบบสื่อสาร
5G ไม่ได้เป็นเพียงสัญญาณเน็ตที่แรงขึ้นเฉย ๆ อย่างที่หลายคนคิดนะครับ แต่เราสามารถเรียก 5G ว่าเป็นเทคโนโลยีอีกอย่างได้เลย เพราะอินเทอร์เน็ตที่เชื่อมต่อได้อย่างรวดเร็ว ช่วยให้การพัฒนาเทคโนโลยีสามารถทำได้มากขึ้น ไม่ว่าจะช่วยให้การให้บริการคลาวด์หลาย ๆ รูปแบบ สามารถเป็นไปได้ อาทิเช่น การให้บริการเกมผ่านระบบคลาวด์ (Cloud-based gaming platforms) หรือการสร้างระบบควบคุมข้อมูลเรียลไทม์ ที่จะช่วยให้การสั่งการหรือการโยกย้ายข้อมูลจำนวนมหาศาลสามารถทำได้อย่างรวดเร็วอีกด้วย
5. Extended Reality (XR) – AR/VR/MR
Extended Realities (XR) หรือการสร้างโลกเสมือนแบบไร้ขีดจำกัด หมายถึงการรวมประสบการณ์ทางเทคโนโลยีโลกเสมือน อย่าง Augmented Reality (AR) ซึ่งหมายถึงการรวมสภาพแวดล้อมจริงกับภาพจำลองเสมือนจริงให้อยู่ในภาพเดียวกัน หรือ Virtual Reality (VR) ซึ่งหมายถึงการจำลองภาพให้อยู่ในโลกเสมือนจริง โดยตัดขาดจากบริบทสภาพแวดล้อมจริง และสุดท้าย Mixed Reality (MR) หรือเรียกว่าความจริงผสม ผสมผสานระหว่าง AR กับ VR เข้าด้วยกัน แสดงออกเป็นการจำลองภาพ 3 มิติคล้ายโฮโลแกรม แต่สามารถโต้ตอบหรือตอบสนองวัตถุเสมือนได้แบบเรียลไทม์ เหล่านี้จึงเป็นที่มาของ Extended Realities (XR) ซึ่งเป็นรวมของเทคโนโลยีโลกเสมือนทั้งหมดนี้มาใช้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งานจริง เป็นตัวช่วยในการสร้างสรรค์ผลงานใหม่
AR และ VR สามารถนำไปดัดแปลงได้อย่างหลากหลาย เพื่อให้เข้ากับความต้องการในการใช้งาน โดยในโรงเรียน อาจจะมีการสร้างสื่อการสอนที่มีการตอบสนองได้ หรือการซื้อของออนไลน์ ก็อาจจะมีการสร้างภาพ AR เพื่อเปรียบเทียบสินค้ากับความต้องการของผู้บริโภคได้ดีขึ้น อีกหนึ่งอุตสาหกรรมซึ่งจะได้รับประโยชน์อย่างมหาศาลจากเทคโนโลยีดังกล่าว ได้แก่ อุตสาหกรรมการแพทย์ โดยการใช้ VR จะช่วยให้แพทย์สามารถทำการศัลยกรรมทางไกล หรือวินิจฉัยอาการของผู้ป่วย โดยหลีกเลี่ยงการเข้าใกล้พื้นที่เสี่ยงได้
Credit : https://dct.or.th/