รู้หรือไม่ว่าภายในปีนี้มีการใช้จ่ายไอทีของธุรกิจธนาคารและการลงทุนในไทยเติบโต 6.5% เพราะเทรนด์เทคโนโลยีที่เกิดขึ้นมาใหม่ มีส่วนช่วยให้ธุรกิจบรรลุเป้าหมาย โดยช่วยการจัดการความเสี่ยง, เพิ่มประสิทธิภาพด้านต้นทุน และระดับการดำเนินงานด้วยนวัตกรรมและเทคโนโลยีใหม่ ๆ ทำให้เกิดเทรนด์มากมายขึ้น โดยการ์ทเนอร์ เปิดเผยถึง 3 เทรนด์เทคโนโลยีที่ช่วยหนุนโลกการเงิน-การลงทุน จะมีอะไรบ้าง และบริษัทควรอัปเดตเทคโนโลยีตามหรือไม่ วันนี้ SKY ICT มีคำตอบครับ
การ์ทเนอร์คาดว่า ประเทศไทยมีมูลค่าการใช้จ่ายไอทีของธุรกิจธนาคารและการลงทุนในปี 2565 จะเติบโต 6.5% หรือ 82.2 พันล้านบาท โดย มูตูซี เซา รองประธานฝ่ายวิจัย การ์ทเนอร์ กล่าวว่า เทรนด์เทคโนโลยีเกิดใหม่สามกลุ่มที่จะมีส่วนช่วยให้ธุรกิจด้านการเงินและการลงทุนเติบโต และบรรลุเป้าได้ ควรพร้อมรับมือกับการเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยีในปี 2565 ซึ่งมีเทคโนโลยีดังนี้
ขอบคุณภาพจาก Gartner
เทรนด์ที่ 1 : Generative AI
การ์ทเนอร์คาดว่า 20% ของการทดสอบการใช้งานของผู้บริโภคจะถูกสร้างขึ้นภายในปี 2568 โดย Generative AI ส่วนแอปพลิเคชันบริการด้านการธนาคารและการลงทุน จะมีเทคโนโลยี Deep Learning ที่สามารถร้างสร้างภาษาธรรมชาติได้ (Natural Language Generation) เพื่อเข้ามาตรวจจับการฉ้อโกง คาดการณ์การซื้อขาย และสร้างแบบจำลองปัจจัยเสี่ยงต่าง ๆ ด้วยศักยภาพอันชาญฉลาดนี้ทำให้ Generative AI สามารถปรับเปลี่ยนและพัฒนาไปในระดับที่สูงขึ้นได้อีกด้วย
เทรนด์ที่ 2 : ระบบอัตโนมัติ (Autonomic Systems)
เป็นระบบที่จัดการได้ทั้งแบบกายภาพหรือจากซอฟต์แวร์ ซึ่งเรียนรู้จากสภาพแวดล้อมและปรับเปลี่ยนอัลกอริธึมของมันเองได้แบบเรียลไทม์ ระบบอัตโนมัตินี้จะสร้างชุดความสามารถทางเทคโนโลยีที่สนับสนุนความต้องการและสถานการณ์ใหม่ ๆ ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานและป้องกันการโจมตีได้ทันที
เทรนด์ที่ 3 : การประมวลผลเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพความเป็นส่วนตัว (Privacy-Enhancing Computation : PEC)
เนื่องจากกฎหมายความเป็นส่วนตัวและการคุ้มครองข้อมูลมีความสำคัญมากขึ้นรวมถึงความกังวลของผู้บริโภค ซึ่ง Privacy-Enhancing Computation ใช้เทคนิคการป้องกันความเป็นส่วนตัวที่หลากหลายเพื่อให้สามารถดึงข้อมูลออกมาใช้ได้อย่างมีคุณค่า ทางภาคบริการทางการเงินเอง ก็อาจมีการนำเทคนิค PEC มาใช้เพิ่มขึ้น อาทิ ใช้วิเคราะห์การฉ้อโกง ดำเนินการด้านข่าวกรอง และต่อต้านการฟอกเงิน
โดยที่ไทยในขณะนี้มีเทคโนโลยีที่ช่วยปกป้องข้อมูลอย่าง e-KYC ที่สามารถประยุกต์ใช้กับธุรกิจได้อย่างหลากหลาย โดยเฉพาะโลกการเงิน-การลงทุน เช่น ธุรกิจศูนย์ซื้อ-ขายแลกเปลี่ยนคริปโทเคอร์เรนซี, ธุรกิจนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์, กลุ่มธุรกิจการเงิน และกลุ่มธุรกิจประกันภัย
ซึ่งช่วยเพิ่มความมั่นใจให้กับลูกค้า ในการลงทุน การทำธุรกรรมการเงิน และการแลกเปลี่ยน ด้วยความปลอดภัยสูงสุดอันเป็นสากล โดย สกาย ไอซีที เปิดให้ทดลองใช้โซลูชัน e-KYC ในรูปแบบ demo แล้ววันนี้ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เบอร์โทรศัพท์ 02-029-7888 หรืออีเมล info@skyict.co.th
ขอบคุณที่มา : gartner | techoffside