สวัสดีครับ วันนี้ SKY พาทุกคนมารู้จักกับ Digital Footprint กัน หลายคนอาจจะยังสงสัยว่ามันคืออะไร รอยเท้าเกี่ยวอะไรกับโลกดิจิทัล ไปหาคำตอบพร้อมๆกันได้เลยครับ
Digital Footprint คืออะไร?
Digital Footprint คือ ข้อมูลการใช้งานต่างๆ ของผู้คนบนโลกอินเทอร์เน็ตที่ถูกบันทึกไว้ ไม่ว่าคุณจะเข้าเว็บไซต์ใดๆ ก็ตามเช่น Google, Youtube หรือเว็บไซต์ไทยอย่าง Pantip ก็ล้วนแล้วแต่มีการเก็บข้อมูลผู้ใช้ทั้งสิ้น จะมากน้อยแล้วแต่เว็บไซต์ การเก็บข้อมูลดังกล่าวยังครอบคลุมไปถึงแอปพลิเคชัน และโซเชียลมีเดียต่างๆ อีกด้วยไม่ว่าจะเป็น Facebook ,Instagram, Twitter หรือเว็บไซต์ต่างๆ เป็นต้น
ที่น่าสนใจ คือ ข้อมูลดังกล่าวมีอะไรมากกว่าที่เราคิด สิ่งที่เว็บไซต์จะได้ไปนั้นไม่ใช่แค่ข้อมูลส่วนตัวของเรา สเตตัสบ่นต่างๆใน Facebook หรือรูปถ่ายเช็คอินเก๋ๆใน Instagram แต่รวมไปถึงจำนวนการคลิกลิงก์ วินาทีการดูโฆษณา การใช้เวลาบนเว็บไซต์หรือโซเชียลมีเดีย รวมถึงการค้นหาสิ่งต่างๆบนโลกออนไลน์อีกด้วย เรียกได้ว่าโลกไซเบอร์อาจรู้จักตัวคุณมากกว่าที่คุณรู้จักตัวเองด้วยซ้ำนะครับ
และที่หลายคนสงสัยว่า รอยเท้าเกี่ยวอะไรกันกับโลกดิจิทัล นั่นก็เพราะว่า ร่องรอยเหล่านี้สามารถตามได้เหมือนกับรอยเท้าของคน มันจึงถูกเรียกว่า Digital Footprint นั่นเองครับ
รอยเท้าดิจิทัลแบ่งได้เป็น 2 ประเภท
1.ร่องรอยดิจิทัล ที่ผู้ใช้เจตนาบันทึก (Active Digital Footprints)
รอยเท้าดิจิทัล ของผู้ใช้งานที่เจตนาบันทึกไว้ในโลกออนไลน์ ข้อมูลที่เราตั้งใจเปิดเผยโดยที่เรายินยอมหรือรู้ตัว เช่น ชื่อ นามสกุล อีเมล เบอร์โทร ชื่อโปรไฟล์ รวมถึงสิ่งที่เราตั้งใจโพสต์ รูปภาพ ข้อความ การกดถูกใจ รีทวีต หรือ การแชร์โลเคชัน เป็นต้น
2.ร่องรอยดิจิทัล ที่ผู้ใช้ไม่มีเจตนาบันทึก (Passive Digital Footprints)
รอยเท้าดิจิทัล ของผู้ใช้งานที่เราหรือผู้ใช้ไม่ได้มีเจตนาบันทึก เช่น IP address , Search History ,ข้อมูลที่ถูกจัดเก็บเอาไว้โดยที่เราไม่รู้ตัว การติดตามระบบ หรือ GPS
Digtital Footprint ส่งผลต่อเรายังไง
เมื่อพิจารณาดีๆแล้ว จาก 2 ประเภทของรอยเท้าด้านบน จะรู้ว่ามันมีทั้งข้อดีและข้อเสียอยู่เหมือนกัน
ข้อดี คือมันทำให้เรามีความสะดวกสบายมากขึ้น เวลาเราเข้าเว็บไซต์ หรือเข้าโซเชียลมีเดียก็ไม่ต้องเสียเวลามากรอกข้อมูลซ้ำๆบ่อยๆ
แต่ข้อเสีย ก็มีเยอะทีเดียวครับ มีผลการศึกษาพบว่าหลายครั้ง รอยเท้านี้มันชัดเจนจนสามารถระบุตัวตนเราได้เลย ซึ่งมันอาจนำไปสู่การใช้ข้อมูลในทางที่ไม่ดีได้ เช่น เราเคยโพสต์อะไรไว้ มันอาจกลับมาทำร้ายเราในภายหลัง หรืออาจจะถูกนำข้อมูลไปเปิดเผยจนเราได้รับความเสียหายได้ครับ
เราควรที่จะระวังอย่างไรดี?
เคยได้ยินไหมครับ ว่าเราไม่ควรโพสอะไรก็ตาม ในอารมณ์ชั่ววูบลงในโลกออนไลน์ เพราะอะไรที่โพสต์ไปแล้วมันจะอยู่บนโลกออนไลน์ตลอดไป คำนี้ไม่ใช่คำกล่าวเกินจริงแต่อย่างใด วินาทีที่เราทำอะไรลงไปบนโลกออนไลน์มันก็ได้บันทึกข้อมูลของเราลงไปแล้ว และสิ่งที่เราสามารถทำได้ดีที่สุดก็คือ
1.ระวังเรื่องการโพสหรือให้ข้อมูลส่วนตัวกับใคร ในบนโลกออนไลน์
2.พยายามอย่าเข้าเว็บไซต์ที่ไม่น่าเชื่อถือ เพราะข้อมูลอาจถูกดักเก็บไปใช้ในทางที่ผิดได้
3.ระวังการเปิดลิงก์หรือดาวน์โหลดอะไรที่เป็นไวรัส อาจจะทำให้ผู้ไม่หวังดีเก็บข้อมูลเราไปได้
โลกดิจิทัลเป็นอีกโลกที่เราคงหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะเข้าไป เพราะในชีวิตประจำวัน เราก็ยังต้องใช้ทำงาน ใช้ลงทะเบียน ใช้เพื่อความบันเทิงและทำอะไรอีกหลายๆอย่าง แน่นอนว่าเมื่อเราก้าวเข้าไปแล้วยังไงก็มีรอยเท้าของเราอยู่ดี ซึ่งวิธีที่ดีที่สุด คือใช้งานด้วยความระมัดระวังและมีสติก่อนโพสอะไรก็ตามนะครับ
ขอบคุณข้อมูล www.sanook.com