เตรียมรับมือ ผลข้างเคียงหลังฉีด Sinovac และ AstraZeneca
โดยหลักการ การฉีดวัคซีนจะทำหน้าที่กระตุ้นภูมิคุ้มกันของร่างกายให้รู้จักกับเชื้อโรคล่วงหน้าก่อนที่จะได้รับเชื้อเพื่อป้องกันไม่ให้ติดเชื้อ เจ็บป่วย หรือเสียชีวิต แต่อาจมีผลข้างเคียงเล็กน้อย เช่น ปวดเมื่อย มีไข้ ซึ่งเป็นเรื่องปกติที่แสดงให้เห็นว่าภูมิคุ้มกันกำลังถูกกระตุ้นจากวัคซีน เพื่อป้องกันไม่ให้เราเจ็บป่วยหรือเสียชีวิตจากเชื้อโควิด-19 นั่นเองครับ
อาการที่อาจเกิดขึ้นกับผู้ที่ได้รับวัคซีนโควิด-19
1.มีอาการไข้ ครั่นเนื้อครั่นตัว ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อและตามข้อ
2.รู้สึกอ่อนเพลีย ไม่สบายตัว ปวดหัวเล็กน้อย
3.อาการปวด บวม แดง คัน หรือช้ำ ตรงจุดที่ฉีดยา
4.มีอาการคลื่นไส้
5.หากเกิดผลข้างเคียง ตั้งแต่การฉีดวัคซีนเข็มแรก ในเข็มที่สองก็อาจมีอาการมากขึ้นได้เล็กน้อย
6.อาการแพ้วัคซีน อาจเกิดได้แต่น้อยมากคือน้อยกว่า 1 ใน 1,000,000 คนที่ฉีด
วิธีรักษาผลข้างเคียงวัคซีนโควิด-19 เบื้องต้น
1.หากมีอาการไข้ ปวดเมื่อย หรือปวดตำแหน่งที่ฉีด สามารถทานยา พาราเซตามอลได้
2.ไม่ควรรับประทานยาแอสไพริน เนื่องจากอาจทำให้เกิดอาการแทรกซ้อนได้
3.โอกาสเกิดผลข้างเคียงมีเพียง 10-15% ของผู้ที่ได้รับวัคซีน ซึ่งถือว่าอยู่ในเปอเซ็นต์น้อย
4.อาการแพ้วัคซีนสามารถหายได้เองประมาณ 3-4 วัน
5.รอดูอาการหลังฉีดอย่างน้อย 15-30 นาที สำหรับใครที่มีประวัติแพ้วัคซีนหรือยาแบบรุนแรง ควรแจ้งให้แพทย์ทราบก่อนรับการฉีดวัคซีน
ประสิทธิภาพของวัคซีนโควิด-19
วัคซีนจะเริ่มได้ผลอย่างน้อย 2 อาทิตย์หลังจากได้รับเข็มที่หนึ่ง แต่จะได้ผลเพียง 50% และหลังจากฉีดเข็มที่สองอย่างน้อย 1 อาทิตย์ จึงจะได้ผลสูงตามผลการวิจัยของแต่ละวัคซีนและต้องฉีดวัคซีนเข็มที่สอง จึงจะมีประสิทธิภาพเทียบเท่ากับผลวิจัยของวัคซีนแต่ละยี่ห้อ
คำแนะนำจากแพทย์
แม้จะได้รับการฉีดวัคซีนแล้ว ก็ไม่ควรประมาทต่อการติดเชื้อ และยังต้องรักษามาตรการโดยสวมหน้ากากอนามัย ล้างมือด้วยสบู่หรือแอลกอฮอล์ และเว้นระยะห่างทางสังคม ไม่ไปยังพื้นที่ที่เสี่ยงต่อการติดเชื้อ เพื่อลดโอกาสติดเชื้อให้ได้ประสิทธิภาพสูงที่สุด ในกรณีที่วัคซีนยังออกฤทธิ์ไม่เต็มที่ และป้องกันการติดเชื้อสายพันธุ์ใหม่ในอนาคตด้วย และควรเข้ารับการฉีดให้ครบตามโดสที่แนะนำ เคยฉีดยี่ห้อไหน ให้ฉีดยี่ห้อนั้น เนื่องจากยังไม่มีการศึกษาผลข้างเคียงหรือประสิทธิภาพของการรับวัคซีนต่างชนิดกัน และมีข้อแนะนำให้ฉีดให้ครบถ้วนตามโดสที่กำหนดเพื่อประสิทธิภาพสูงสุดในการป้องกันโรคนะครับ
ที่มา : ศ. นพ.เกียรติ รักษ์รุ่งธรรม, www.praram9.com